วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สุดพิเศษยิ่งกว่า แผนที่ ความคิด


ผมได้พบสิ่งที่สุดพิเศษ ซึ่งเกิดก่อนตำราดังของของทุกสถาบันถึง 2000 ปี++
ไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านบทนี้มีความเห็นด้วยหรือไม่ว่า เราได้มองข้ามของดีใกล้ตัวสำหรับชาวพุทธ ถ้าเพียงแต่เราเข้าใจ และรู้จักนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต หรือธุรกิจ ผมว่าชีวิตของเราคงสะดวกขึ้นอย่างมากมาย

ถ่ายทอดจากรายการทันโลก ทันธรรม ซึ่งออกอากาศทางช่อง DMC

บรรยายโดยพระเดชพระคุณอาจารย์ : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ (M.D., Ph.D.)
วันนี้..ได้รับอาราธนาให้พูดเรื่อง "แผนที่ ความคิด" หรือ Mind Map (ไมนด์แมป) ซึ่งเป็นการจัดระเบียบความคิดของเรา เรื่องนี้อยากให้มองภาพ กว้าง ๆ ว่า ทางมาแห่งความรู้หรือที่เรียกว่าปัญญา นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแบ่งไว้เป็น ๓ ประเภท คือ

๑. สุตตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดขึ้นจากการฟัง หรือการอ่าน เป็นปัญญาขั้นต้น จะเรียกว่า "รู้ จำ" ก็ได้
๒. จินตมยปัญญา เป็นปัญญาขั้นที่ ๒ คือ การเอาสิ่งที่เราศึกษาเรียนรู้จากคนอื่นมานึกคิด ตรึกตรองหาเหตุผล บางครั้งก็ได้ข้อสรุปใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ เป็นความรู้ระดับสูงขึ้นมา อาจจะเรียก ย่อ ๆ ว่า "รู้คิด"ก็ได้

๓. ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญาที่เกิดขึ้นจากการทำสมาธิภาวนา จะเกิดขึ้นได้จากใจที่เป็นสมาธิตั้งมั่นเท่านั้น การจะหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ ได้ก็ต้องอาศัยปัญญาระดับนี้ ซึ่งเป็นปัญญาระดับสูงสุด อาจจะเรียกย่อ ๆ ว่า "รู้แจ้ง" ก็ได้

ปัญญาระดับนี้ไม่ใช้คำว่า "คิด" แต่ใช้คำว่า "เห็น" เช่น มีธรรมจักษุ คือ มีดวงตาเห็นธรรม หรือ สัมมาทิฐิ ในมรรคมีองค์ ๘ ข้อแรกก็ใช้คำว่า มี ความเห็นถูก ไม่ใช่คิดถูก คือ เมื่อใจสงบ ความ สว่างบังเกิดขึ้นภายใน ก็จะมีความรู้จากการเห็น คือ ไปรู้ไปเห็นถึงความจริงของโลก ชีวิต และสรรพกิเลสทั้งปวง เห็นถึงขนาดว่า ภพในอดีตเรามาจากไหน สามารถระลึกชาติตัวเองได้ ที่เรียกว่า ปุพเพนิ วาสานุสสติญาณ เห็นการไปเกิดมาเกิดของสัตว์ทั้งหลาย ที่เรียกว่า จุตูปปาตญาณ หรือมีญาณหยั่งรู้ทำให้กิเลสหมดสิ้นไป ที่เรียกว่า อาสวักขยญาณ สิ่งเหล่านี้ คือ ความรู้ในขั้นที่ ๓ หรือที่เรียกว่า ภาวนามยปัญญา

ส่วนแผนที่ความคิดนั้น คือ อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มพูนปัญญาในขั้นที่ ๒ ที่เรียกว่ารู้คิด แต่จะรู้คิด ได้ดี ใจต้องเป็นสมาธิด้วย ถ้าใจยุ่งเหยิงไม่เป็นสมาธิ ก็จะคิดอะไรไม่ค่อยออก วนไปวนมา คนจะคิดได้ลึกซึ้ง กระจ่าง ความคิดต้องเป็นระเบียบ เป็นสมาธิ

การใช้แผนที่ความคิดจะช่วยได้มาก สมมติว่าเราจะหาคำตอบเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราก็ตั้งประเด็น ขึ้นมาว่าเรื่องนั้นมีกี่ประเด็น ๑, ๒, ๓, ๔, ๕ แล้วก็โยงออกไป แต่ละประเด็นใหญ่มีกี่ประเด็นย่อย เรา ก็แตกแขนงไปอีก ประเด็นย่อยเหล่านั้น มีประเด็นย่อยอีกเท่าไร เราก็แตกออกไป ดังนั้น เวลาจะคิดเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับประเด็นใหญ่ ๆ เราจะไม่ คิดวนไปวนมาอย่างที่คนทั่ว ๆ ไปมักจะเป็นกัน การ ใช้แผนที่ความคิดจึงมีส่วนช่วยให้จินตมยปัญญาหรือความรู้คิดมีประสิทธิภาพ มากขึ้นได้พอสมควรทีเดียว


แต่ว่าอยากจะฝากข้อคิดไว้ ๒ ประเด็น
ประเด็นแรก อย่าลืมว่าแผนที่ความคิดเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ช่วยให้เราจัดระเบียบความคิด แต่ยังไม่ได้บอกว่าในเรื่องหนึ่ง ๆ ที่เราต้องคิดมีประเด็นอะไรบ้าง โดยส่วนใหญ่เขาใช้วิธีการระดมสมองที่เรียกว่า Brainstorm (เบรนสตอร์ม) ระดมสมองช่วยกันคิดว่า เรื่องนี้มีอะไรเกี่ยวข้องบ้าง ถ้าผู้ที่ร่วมกันคิดเป็นคนที่มีสติปัญญาก็พอใช้งานได้ ในระดับหนึ่ง แต่หากเราเคยศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เราจะได้เปรียบมาก เพราะธรรมะ แต่ละหมวดแต่ละหมู่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ภาพรวมไว้แล้วว่า ในเรื่องหนึ่ง ๆ มีประเด็นสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกี่อย่าง ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าหากต้องการสร้างมนุษยสัมพันธ์ พระองค์ ทรงให้ใช้หมวดสังคหวัตถุ ๔ ก็คือ ๑. ทาน คือ ให้รู้จักการให้ มีน้ำใจให้แก่กัน ถึงจะมีมนุษยสัมพันธ์ดี ๒. ปิยวาจา คือ พูดให้เป็น ๓. อัตถจริยา คือ ทำตัวให้มีประโยชน์ รู้จักใช้ความสามารถไปทำประโยชน์ให้กับคนอื่น ๔. สมานัตตตา คือ วางตัวให้สม่ำเสมอ ถูกต้องเหมาะสมกับสถานภาพของ ตัวเอง ถ้าครบ ๔ อย่างนี้ มนุษยสัมพันธ์ดีแน่นอน

หลักธรรมในพระพุทธศาสนามีภาพรวมครบอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปแจกแจงต่อได้ขนาดไหน ถึงจะ ไม่ตกไม่หล่นอะไรไป แต่ถ้าจะมาเบรนสตอร์มเรื่องมนุษยสัมพันธ์ เราจะตั้งหัวข้อได้มากมาย แล้วอาจจะหลุดบางเรื่อง ไป ในขณะเดียวกันบางเรื่องที่ควรจะอยู่หมวดเดียว กัน ก็อาจจะแยกประเด็นออกไป เรื่องนี้มีตัวอย่าง เช่น หนังสือประเภทโนฮาว ฮาวทู ในเรื่องของมนุษยสัมพันธ์ที่มีขายในท้องตลาด เขาก็เขียนไว้น่าอ่านทีเดียว มีตัวอย่างมากมาย วิธีชนะมิตรและจูงใจคน ชนะทุกข์ สร้างสุข แต่อ่านแล้วจะวน ๆ รวมแล้วมีแคประเด็นสองประเด็นเท่านั้น คือ เรื่อง ทานและปิยวาจา บางครั้งเขาก็ลืมเรื่องอัตถจริยาหรือสมานัตตตาไปบ้าง หรือบางครั้งก็พูดถึงแต่ไม่ชัดเจน แต่ถ้าจับหลักคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เราก็จะได้ภาพรวม ใครที่ศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาดีจึงได้เปรียบคนอื่นมาก ถ้าเอาแผนที่ความคิดไปใช้ด้วยก็เท่ากับว่าต่อยอดเลย

ประเด็นที่ ๒ อย่าลืมว่าระดับของปัญญาความรู้มีถึง ๓ ระดับ คนทั่วไปในโลกจะติดอยู่ใน ๒ ระดับแรก คือ รู้จำกับรู้คิด ยังก้าวไปไม่ค่อยจะถึงเรื่องการรู้แจ้ง คือ ภา วนามยปัญญา ซึ่งเกิดจาก การทำสมาธิภาวนา

ดังนั้นเราอย่าหลงทะนงตนจนเกินไป คนไหน หัวดีจำอะไรได้แม่น อ่านมามาก ฟังมามาก คิดตรึกตรองอะไรได้มาก ก็อย่าเพิ่งหลงภูมิใจในตัวเอง จนเกินไป ให้บอกตัวเองเสมอ ๆ ว่า ปัญญาในระดับที่ตัวเราหมดกิเลส เป็นหลักประกันว่าเราจะได‰ ไปสู่สุคติภูมิแน่ ๆ หลังจากละโลกนี้ไปแล้ว เราฝึกได้แค่ไหนแล้ว ถ้ายังไม่ถึงไหน รีบขวนขวายฝึกเสีย

ถ้ามองไม่เห็นภาพรวมตรงนี้ หลงติดแค่เรื่อง ความรู้จำกับรู้คิดแค่ ๒ อย่าง ยิ่งศึกษามากเท่าไร ก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดทิฐิมานะว่าเรารู้มากกว่าคนอื่น ยิ่งเรียนสูง ๆ ทำงานตำแหน่งสูง ๆ ยิ่งรู้สึกว่า ตัวเองเก่ง แล้วเกิดเป็นทิฐิ ตรงนี้จะเป็นพิษเป็นภัยกับเจ้าตัวมาก เพราะทิฐิมานะจะเป็นตัวบั่นทอน ถึงคราวมีใครมาแนะนำธรรมะให้ สอนธรรมะให้ ก็ไม่ค่อยอยากจะฟัง รู้สึกว่าตัวเองรู้มากแล้ว ความรู้นั้นเลยกลายเป็นกำแพงขวางกั้น บั่นทอนหนทางเข้าสู่ปัญญาขั้นที่สูงขึ้นไปอย่างน่าเสียดาย หนัก ๆ เข้าเลยสู้คนเรียนน้อย ๆ ทำงานทั่ว ๆ ไป แต่เขาไม่มีทิฐิมานะไม่ได้ เราอย่าทะนงตน ยิ่งรู้ฟัง รู้จำมามากเท่าไร รู้คิดมากเท่าไร ถ้าไม่มีทิฐิมานะจะยิ่งเป็นประโยชน์ เป็นพื้นฐานรองรับความรู้แจ้ง ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมทำสมาธิภาวนาให้ดี แล้วเรา จะได้ความรู้ครบทั้ง ๓ ระดับ

เพียงแค่คุณนำ สังคหวัตถุ ๔ ก็คือ ๑. ทาน ๒. ปิยวาจา คือ ๓. อัตถจริยา ๔. สมานัตตตา มาใช้ครบ ๔ อย่างนี้ องค์กรของคุณจะไม่ขยายใหญ่โต ก็ให้มันรู้ไป

และนี่คือที่ของคุณ!
มีอะไรที่ทำให้คุณ ติดตามหรือ อยากติดต่อเจ้าของบทความ ลองมาเล่า มาแชร์ความคิดคุณกันนะครับ และโปรดลงชื่อผู้ใช้ Facebook, Twitterของคุณหากคุณต้องการให้เครือข่ายของคุณขยายตัว

.... และหากคุณพบว่าบทความนี้มีประโยชน์อย่าลืมสมัครรับฟีดข้อมูล RSS ของผม! และแนะนำเพื่อนมาเข้าชมนะครับ

ถ้าคุณต้องการวิธีที่ประสบผลสำเร็จ เราสามารถช่วยคุณได้ เชิญกรอกข้อความด้านบนทางซ้าย หรือเข้าทางลิงค์ http://cashflowin.thport.com/homebizx

วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

วิธีทำให้ blog ของคุณติดกระแสความนิยม


วิธีการเพิ่มคนเข้าชมเว็ปไซท์ของคุณแบบทวีคูณ Viral Marketing
เมื่อคุณเป็นเจ้าของ Website หรือ Blog ย่อมต้องการเพิ่มจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมที่มีคุณภาพอย่างรวดเร็วน่าพิศวง สิ่งที่ต้องทำคือ การทำให้ผู้ที่เข้ามาชมแล้วเกิดความรู้สึกทึ่ง และอยากเผยแพร่สิ่งที่ได้พบไปสู่เพื่อนๆ
เรารู้กันดีแล้วว่า เมื่อผู้อ่านพบเรื่องที่น่าตื่นเต้น และ คิดว่าน่าจะเป็นที่สนใจของเพื่อนๆ เขาย่อมคิดอยากจะบอกต่อเรื่องเหล่านั้นไป และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ website อย่าง FriendFeed, StumbleUpon, YouTube, Twitter และ Digg อยู่ในความนิยม ซึ่งสาเหตุก็มาจากการที่website เหล่านี้อนุญาตและสนับสนุนการเผยแพร่ข้อความเป็นไปโดยสะดวกง่ายดาย เพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์ของการเผยแพร่กระจายข้อมูลอย่างรวดเร็วทางอินเตอร์เนต มีเรื่องสำคัญ 2 เรื่องที่คุณต้องคำนึง
  1. เนื้อหาของเว็ปไซท์มีค่ามากพอที่จะบอกต่อ เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก นั่นหมายถึง ในWebsite หรือ Blog ของคุณมันต้องมีอะไรที่ดีกว่า และให้มากกว่า ขณะที่ผู้เขียนblog ทั่วๆไปฝังใจว่า การเขียนอะไรบางอย่างทุกวันอย่างที่หลายๆ "social marketing guru" ก็แนะนำ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีนักธุรกิจน้อยคนนัก ที่จะมีเวลาเขียนสิ่งที่มีคุณค่าได้แบบรายวัน ดังนั้น จงเขียนเมื่อคุณมีข้อมูลที่มีคุณค่าในการแบ่งปัน เน้นที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ
  2. ง่ายต่อการเผยแพร่ จงทำให้ การเผยแพร่เป็นเรื่องที่ง่ายสุดๆเมื่อเขาเหล่านั้นต้องการจะทำ ไม่ว่าจะเป็นการส่งต่อ, bookmarking siteหรือ การส่งต่อทางเมล์ จบภายในไม่กี่คลิ๊ก
เมื่อคุณได้ทำตามคำแนะนำที่กล่าวมาแล้วข้างบน เชื่อได้เลยว่า คุณจะมีจำนวนผู้เข้ามาชมอย่างคาดไม่ถึง

quick tip


ลองใช้เวลาสักนิดย้อนกลับไปดูการส่งต่อ website, blog, วิดีโอ, เมล์ ของคุณที่ให้เพื่อนๆ แล้วลองมานึกย้อนถามตัวเองถึงสาเหตุว่า มีอะไรในสิ่งเหล่านั้นที่ทำให้คุณเผยแพร่สิ่งเหล่านั้น แล้วคุณสามารถใช้แรงจูงใจแบบเดียวกันในเนื้อหาของคุณได้อย่างไร เพื่อให้เกิดการเผยแพร่เช่นกัน นั่นละครับ คำตอบของคุณจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี. ....

ถ้าคุณต้องการวิธีที่ประสบผลสำเร็จ เราสามารถช่วยคุณได้ เชิญกรอกข้อความด้านบนทางซ้าย หรือ

เข้าทาง ลิงค์ http://cashflowin.thport.com/homebizx



และหากคุณพบว่ามีประโยชน์นี้อย่าลืมสมัครรับฟีดข้อมูล RSS ของผม!



แปลจากบทความของ: Jim's Blog Marketing


วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เผยการดึงดูด 8000 คนTwitter ใน 14 สัปดาห์!


คำแนะนำการตลาดและเคล็ดลับการตลาดเพื่อช่วยเพิ่มยอดขายและผลกำไรโดย Jim Connolly

เช้านี้Twitter ของผมมี follower ถึง 8,000 คน จึงเกิดความคิดว่า มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะมาแชร์ให้คุณว่า ผมมีวิธีสร้างเครือข่ายTwitterของผม (ผมไม่ชอบคำว่า 'follower' หรือผู้ติดตาม)ได้อย่างไรจนมาได้ไกลขนาดนี้

เกริ่นนำ

ผมดึงดูดfollowers เกือบทั้งหมดของผมภายใน 14 สัปดาห์ - ไม่ใช่ 12 เดือนหรือ 2 ปี! นี้ไม่นับรวมคนนับพันจากผู้อ่านบล็อก, แฟนๆจำนวนมหาศาลหรือเพื่อนผู้เขียนบล็อกที่เลื่องชื่อ.

ผมยังได้จัดสร้างกลุ่มเครือข่ายเป้าหมายในหมู่ผู้ใช้ Twitter เครือข่ายTwitter หลักๆของผมประกอบด้วย; เจ้าของธุรกิจผู้ประกอบ ผู้เขียนบล็อกและผู้ที่เชื่อมโยงกับตลาด PR หรือสื่อsocial network. (คนเดียวกันกับผู้ใช้บริการทางการตลาดของผม.)

ผมเชื่อว่าการสร้างเครือข่ายTwitter Associates ไม่เพียงเกี่ยวกับการดึงดูดแค่จำนวน! แต่ยังเกี่ยวกับการดึงดูดผู้ที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของคุณแล้วนำไปสู่ความความไว้วางใจของพวกเขาด้วย.

คำหลัก 3 คำที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างเครือข่าย Twitter มี คน, แรงดึงดูด และ ความไว้วางใจ.

คน

คนที่ผมติดต่อด้วยใน Twitter ไม่ใช่ followers แต่พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายออนไลน์เดียวกัน. ผมใช้ Twitterในการติดต่อเชื่อมโยงกัน ผมจะใช้คำว่า followers'' (เช่นในชื่อของบทความนี้) เมื่อผมต้องการใช้ในการอ้างอิงให้คนเข้าใจง่ายๆ.

ที่คุณเห็นนี้เป็นการสื่อสารแบบสองทาง ผม follow ทุกคนที่ followผม แน่นอน...ยกเว้นสแปม. สำหรับผมไม่มีผู้ตามและไม่มีผู้นำ

แล้วมันเวิร์คจริงหรือในTwitter? มีคนระหว่าง 1 ถึง 3 ล้านคนใช้Twitter . ขณะที่ผมเขียนบล็อคนี้ ผมมีผู้ติดตาม 1% (เหมาว่า มีคนตาม 1 หมี่นจากล้านคน ) ของผู่ใช้ Twitter ผมได้ไม่กล่าวแบบนี้เพื่อให้ทึ่งในตัวผม แต่เพื่อให้คุณตระหนักถึง ประสิทธิภาพของการให้เกียรติ์แก่คนอื่นด้วยการยกย่อง

ซึ่งเน้นที่การสื่อสารมากกว่าการสอนสั่ง. การให้เขามีส่วนร่วมและการฟังสิ่งที่พวกเขากล่าว. มันหมายถึงการให้เวลาที่จะช่วยคนไม่ว่าเขาจะมี followers มากน้อยเท่าใด แต่เป็นเพราะคุณชอบในงานของเขา มันหมายถึงการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายหรือชุมชนที่ไม่ใช่การนำ !

ลองคิดว่าคุณเป็น follower ที่ทำด้วยความสนุกและอยากแนะนำต่อ. รู้สึกไว้วางใจ ชื่นชอบและ เห็นในคุณค่า -- คุณคงไม่ชอบให้ใครปฏิบัติกับคุณหมือนกับแค่เป็นไม้ประดับ!

แรงดึงดูด

พลังของแรงดึงดูดเป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกมากล่าวถึงอย่างมากมาย บ้างก็กล่าวในแง่กฎของแรงดึงดูด. ไม่ว่าคุณจะคิดอะไรก็ตามเกี่ยวกับหัวข้อนี้ เราก็รู้ดีว่า เหตุและผล มีบทบาทสำคัญในทุกๆเรื่องของชีวิต

ถ้าเราต้องการดึงดูดคน เราต้องทำตัวเองให้น่าสนใจ

ในTwitter, คนน่าสนใจมากที่สุดคือคนที่แชร์ มากกว่าการโปรโมตตัวเอง พวกเขาเป็นคนที่ใช้เวลาในการตอบคำถามและดึงดูดคนในการสนทนา. เป็นคนที่มองช่องทางช่วยเหลือ

อีกวิธีหนึ่งที่เร็วที่สุดเพื่อดึงดูดความสนใจของคนอื่นคือการแสดงความสนใจของคุณต่อพวกเขาก่อน ! เราทั้งหมดล้วนต้องการให้คนอื่นเห็นคุณค่าและเมื่อมีคนให้ความสำคัญต่อเรา ก็ทำให้รู้สึกดี จริงไม๊! ไม่ต้องรอให้คนfollow คุณ - พัฒนาเครือข่ายของคุณ ในTwitter โดยการมองหาคนที่ดีและ เริ่มการ follow เขาก่อน!

ซึ่งหมายความว่าคุณไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้คนมากขึ้น นอกจากนี้คุณยังได้พัฒนาเครือข่ายบุคคลที่เหมาะสมกับคุณและธุรกิจของคุณ.

ใช้ Twitter เป็นตัวช่วยในการค้นหา ผู้ tweet สิ่งที่คุณสนใจและfollow พวกเขา. แล้วแนะนำตัวเองและเพิ่มบางอย่างที่มีคุณค่าในการสนทนา!

ไว้วางใจ

สิ่งที่เราอ่านพบ (เจอจนเอือมระอา);
- รับประกันว่า ลดนน.ได้ 20 กก/เดือน
- คุณจะมีกล้ามเนื้อท้องซิกแพค โดยการออกกำลังกายวันเพียง 3 นาทีต่อวัน และ...
- คุณจะรวยเป็นเศรษฐืได้ในหนึ่งสัปดาห์ เพียงซื้อ ebook ราคา $ 29
เราคาดถึงผลสำเร็จโดยทันที, ขณะที่การสร้างความใว้วางใจยังต้องใช้เวลา!

น่าประหลาด ผมเชื่อว่าสาเหตุของการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเครือข่ายของผม เพราะผมใช้เวลาของผมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผมก็ไม่ได้มีอิทธิพลพอที่จะพัฒนาเครือข่ายที่ใหญ่อย่างรวดเร็วทั้งหมดด้วยตัวเอง! ผมใช้เวลาไปกับการช่วยเหลือและประสานงานกับผู้อื่นและนั่นก็มาหลังจากที่คนมีไว้วางใจผมพอที่จะแนะนำให้ผมในเครือข่ายTwitter Associates

บางคนใช้ระบบการตอบรับอัตโนมัติเมื่อมีคน follow เขาโดยนำไปสู่ลิงค์ การขายทันที - เพราะว่าพวกเขามาTwitterแบบ Saleman หวังแต่ขาย ! ใครบ้างครับที่อยากแนะนำคนแบบนี้ใน Twitter Associatesของคุณ

มีคนที่ผมไม่เคยรู้จัก บอกผม ให้ส่งข้อความไปที่Twitter Associates ของเขา ทำตามพวกเขาหรือดูที่เว็บไซต์ / บล็อก! ใครบ้างครับที่อยากแนะนำคนแบบนี้ใน Twitter Associatesของคุณ

อย่างผมได้กล่าวแต่แรก การให้ความสำคัญต่อผูอื่นด้วยการให้เกียรติ์อย่างเสมอกัน มาเพื่อช่วยเหลีอ นี่เป็นวิธีที่ดีที่จะได้รับความไว้วางใจของผู้คนและทัศนคติที่ดีของพวกเขา.

เมื่อเป็นอย่างนั้น:
- ผู้คนจะแนะนำคุณในTwitter Associates ของเขา.

และ ...
- จะไปและไปที่เว็บไซต์หรือบล็อกของคุณ.
- จะสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ.
- จะซื้อจากคุณ. ผมเพิ่งขายบริการกว่า 30,000 $ ใน / สินค้าผ่านทางบุคคลที่ผมพบในTwitter.
เคล็ดลับความคิดของคุณและคำแนะนำ!

โพสต์นี้จะมาจากประสบการณ์และข้อสังเกตของผมในฐานะผู้ใช้Twitter. ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลากหลายวิธีในการพัฒนาเครือข่ายที่มีคุณค่าทางTwitter ...

และนี่คือที่ของคุณ!
มีอะไรที่ทำให้คุณ กดปุ่ม หรือไม่ กด follow หลังอ่าน Twitter? ลองแชร์ความคิดคุณกันครับ และโปรดลงชื่อผู้ใช้Twitterของคุณหากคุณต้องการให้มีคนใหม่ๆพบคุณ

.... และหากคุณพบว่ามีประโยชน์นี้อย่าลืมสมัครรับฟีดข้อมูล RSS ของผม!

ถ้าคุณต้องการวิธีที่ประสบผลสำเร็จ เราสามารถช่วยคุณได้ เชิญกรอกข้อความด้านบนทางซ้าย หรือเข้าทางลิงค์ http://cashflowin.thport.com/homebizx

แปลจากบทความของ: Jim's Blog Marketing

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

3 วิธีพาคุณทะยานสู่ผลลัพธ์


นี่คือที่สุดของการแนะนำจากทุกๆคนเท่าที่มีมา!!
การเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด (และรวดเร็วสุด) ในการผลักดันธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จ

เหตุผล: มันเป็นการลงทุนที่น้อยนิดในการเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น นำแบบอย่างที่สำเร็จมาทำ คุณก็สามารถพัฒนาธุรกิจของคุณไปได้อย่างมหาศาล

ความท้าทายในส่วนนี้คือ คุณต้องมีทักษะในการสังเกตุ อย่างไรก็ตามเจ้าของธุรกิจและนักการตลาดส่วนมากมักจะเก่งในการสังเกตุการณ์ทั่วๆไป และละเลยรายละเอียด

นี่คือ
3 วิธีง่ายๆที่ช่วยคุณในการปรับปรุงทักษะในการสังเกตุการ์ณเชิงพาณิชย์ของคุณ

ขั้นตอนที่1: การเรียนรู้จากคนและบริษัทที่ใช่
ในบางที คนในแวดวงธุรกิจก็ไม่ได้พูดความจริง 100% ตามที่พวกท่านๆ บอกกล่าวอ้างเกี่ยวกับความสำเร็จทางการค้า ถ้าคุณทำตามแบบอย่างซึ่งไปไม่ถึงไหน คุณได้ลอกเลียนแบบอย่างที่ผิดๆ สูญเสียเวลา ไม่ได้อะไร ผมเห็นเหยื่อของความผิดพลาดเหล่านี้มีอย่างมากมาย

ยกตัวอย่างเช่น ผมเห็นนักธุรกิจใน Twitter ซึ่งมี Follower ปลอมๆนับหมื่น ซึ่งคุณอาจจะคิดอยากใช้วิธีการเดียวกันด้วยเหตุผลที่ว่ามันน่าจะทำให้คุณได้สร้างเครือข่ายที่มีคุณค่า ในความเป็นจริงแล้วเขาใช้โปรแกรมในการสั่งสม follower ผู้ที่ได้ตั้งระบบให้ติดตามใครก็ตามที่ follow เขาทำให้เขามียอดนับหมื่น ในขณะที่เขาไม่ได้มี Follower ที่แท้จริงนับแสนในบัญชีผุ้ใช้ Twitter เมื่อวันใดก็ตามที่ Twitter ยกเลิกระบบติดตามอัตโนมัติ จำนวนผู้ติดตามของเขาก็หยุด และหดหาย อย่างไรก็ตามยอด follower นับหมื่นๆของเขาก็ยังอยู่ ซึ่งก็จะหลอกได้อีกหลายคนให้คิดว่าวิธีของเขาสามารถนำสู่ความสำเร็จ

ดังนั้น จงอย่าด่วนสรุป ผลลัพธ์ความสำเร็จของใครจากแค่บางส่วน ให้ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนในทุกด้านเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่คุณจะใช่เป็นต้นแบบความสำเร็จ

ขั้นตอนที่ 2: จงเลือก เนื่องจากสิ่งที่ใช้ได้สำหรับบางคนอาจไม่เวิร์คกับคุณ
นั่นก็เพราะบางวิธีการที่เวิร์คสำหรับคนๆหนึ่ง ไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์แบบเดียวกันกับผู้อื่น
ตัวอย่างที่ชัดเจนเช่น การเขียนบล็อคของสุดยอดนักเขียนขายดีติดอันดับโลก เขายกเลิกการเม้นต์สำหรับผู้อ่านในบล็อก ด้งนั้นผู้ที่อยากติดต่อกับเขาก็ต้องไปทำใน Facebook, Twitter, ... และอื่นๆ ซึ่งเป็นการทำให้เขาเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น ดูแล้วเป็นวิธีขั้นเทพ

แต่ช้าก่อนครับ ลองเราๆท่านซึ่งยังคนธรรมดาลองทำบ้างละครับ ผลคงตรงกันข้าม คนอ่านในบล็อคของคุณ คงไม่ตามไปในที่อื่นเพื่อเม้นต์ และคุณอาจสูญเสียแฟนๆไป โทษฐาน ไม่ดังแล้วยังหยิ่งยโส

ดังนั้นเมื่อคุณไปเจอวิธีที่เวิร์คกับใครก็ตาม ลองพิจารณาดูก่อนนะครับว่าคุณนะมีความคล้ายคลึงกับเขาแค่ไหน ก่อนนำวิธีของเขามาใช้

ขั้นตอนที่ 3: การเรียนรู้การอ่านข้อมูลอย่างถูกต้อง
บ่อยครั้งที่เจ้าของธุรกิจ และผู้ทำการตลาดจะมองแต่ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมแต่ละเลยถึงวิธีการว่าเขาต้องทำอย่างไร

ยกต้วอย่างเช่น ผมบอกว่าการกินยาเป็นการทำใหัคนส่วนใหญ่ตาย คุณอาจคิดว่า มันถ้าจะบ้า อย่างไรก็ตามถ้าคุณลองดูข้อมูล คนที่ตายส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยการกินยา
นั้นเป็นเพราะพวกเขาล้มป่วยมาแล้วและต้องรักษาตัวโดยการกินยา

หรือคุณอาจมองได้ในมุมกลับว่า คนที่คลุกคลีกับผู้ร้ายมักไม่น่าคบหาหรือเชื่อถือ แต่ถ้ามันเป็นส่วนหนึ่งของงานละในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ!!

จากประสบการ์ณของผม กุญแจในการเป็นผู้สังเกตุการที่มีประสิทธิภาพคือ การใช้เวลามากขึ้น มองต่างออกไปจากที่เห็น และใช้คอมมอนต์เซนต์ ก่อนการลงมือทำ

สำหรับผู้อ่าน

คิดอย่างไรครับ? อะไรคือทิปของคุณในการเป็นผู้สังเกตุการ์ณชั้นยอด? ลองแบ่งปันความคิดของคุณกับพวกเรานะครับ

ถ้าคุณต้องการวิธีที่ประสบผลสำเร็จ เราสามารถช่วยคุณได้ เชิญกรอกข้อความด้านบนทางซ้าย หรือเข้าทางลิงค์ http://cashflowin.thport.com/homebizx

เครดิตข้อความจาก :Jim's marketing Blog

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทางรอดของคุณด้วยการตลาดกลุ่มเฉพาะ (Niche Marketing)

การตลาดกลุ่มเฉพาะ (Niche Marketing) เป็นยุทธวิธีที่ธุรกิจเล็กๆ นิยมใช้ เพื่อที่จะแทรกซึมเข้าไปในตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงและมีผู้เล่นรายใหญ่ๆ ครองตลาดอยู่ก่อนแล้ว อาวุธทางการตลาดของนักการตลาดแบบกองโจรนั้นมีอยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ การทำ Niche Market ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและความคิดสร้างสรรค์เข้าช่วย

อย่างไรจึงเป็น Niche Market
Niche Market คือการขายสินค้าให้กับคนเฉพาะกลุ่ม ถ้าสินค้าของคุณขายให้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับชั้น อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็น Niche Market ถ้าตลาดเป้าหมายตามปกติเปรียบเหมือนเค้กชิ้นหนึ่ง Niche Market ก็เปรียบเหมือนกับเศษเสี้ยวหนึ่งของเค้กชิ้นนั้น เป็นต้นว่า สินค้าประเภทเสื้อผ้าเครื่องประดับ อาจมี target market เป็นกลุ่มผู้หญิง หรือผู้ชาย แต่ Niche Market จะจับกลุ่มที่เฉพาะเจาะจงลงไปอีก เช่น กลุ่มผู้หญิงที่รูปร่างอ้วนและน้ำหนักเกินมาตรฐาน เป็นต้น

ดีกว่าอย่างไร
ถ้า คุณมีทรัพยากรและทุนอันจำกัด การทำ Niche Market จะช่วยประหยัดแรงงาน แรงเงิน และแรงใจของคุณได้มาก เนื่องจากการจับกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างจะทำให้คุณต้องหว่านเวลาและทรัพยากร ออกไปโดยได้ผลกลับมาไม่เต็มที่ แต่ถ้านำทุนที่มีจำกัดนั้นมาใช้กับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ก็จะสามารถทุ่มเททั้งเวลาในการศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย คิดวางแผนในการทำตลาด และสามารถจัดสรรงบประมาณในการทำตลาดได้อย่างเต็มที่ ข้อดีอีกประการหนึ่งก็คือ ส่วนใหญ่ความเป็น Niche Market มักทำให้มีคู่แข่งในตลาดน้อย เผลอๆ อาจไม่มีเลยก็ได้เพราะขนาดตลาดเล็กเกินไป จึงไม่ดึงดูดผู้เล่นรายใหญ่ๆ เข้ามา ดังนั้น หากคุณค้นพบตลาดนี้และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้ คุณก็สามารถเป็นผู้นำตลาดได้อย่างง่ายดาย

ค้นหา Niche Market
การ ค้นหา Niche Market ก็เหมือนการหาที่เหมาะๆ สำหรับตั้งแค้มป์ ถ้าคุณเข้าไปตั้งแค้มป์ในป่า คุณต้องเลือกเอาต้นไม้สักต้น สองต้น ที่เหมาะสำหรับตั้งแค้มป์ไว้ข้างใต้ คุณไม่สามารถเลือกต้นไม้หมดทั้งป่าได้ ดังนั้น การค้นหา Niche Market ก็เช่นเดียวกันคือ ก่อนอื่นให้เลือกธุรกิจที่ตลาดที่เราสนใจก่อน จากนั้นจึงมองหา Niche Market ที่แฝงอยู่ในกลุ่มนั้น

ถ้าจะสังเกตดีๆ จะเห็น Niche Market มีอยู่ในแทบทุกวงการ เช่น ในวงการนักกฎหมายและแพทย์ ทนายที่รับทำคดีหย่าร้างอย่างเดียว ก็ถือว่าเขาทำ Niche Market หรือหมอผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง ก็มี Niche Market เป็นของตนเอง แม้แต่งานด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ก็มี Niche Market ได้เช่น ประชาสัมพันธ์ที่เชี่ยวชาญงานด้านพิพิธภัณฑ์เท่านั้น หรือบริษัทประชาสัมพันธ์ที่รับงานจากลูกค้าที่เป็นสนามกอล์ฟ รีสอร์ท และโรงแรมเท่านั้น เป็นต้น

ถึงเล็กแต่ต้องใหญ่พอ
การทำตลาดแบบ Niche Market เกิดขึ้นได้เพราะยังมีความต้องการของลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รับการตอบ สนอง และถ้าคุณค้นพบตลาดนี้และสามารถตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้ได้อย่างรวด เร็ว ก็จะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนที่จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจคุณด้วย เพราะลูกค้าและคนส่วนใหญ่จะเกิดการรับรู้ว่าธุรกิจคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ด้านไปทันที ความเป็นผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณมีแต้มต่อได้มากในการทำตลาดแบบกองโจร เพราะไม่ต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์มาก แต่สามารถมี brand awareness ได้เพราะคนบอกต่อๆ กัน

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดแบบ Niche Market จะขึ้นชื่อเรื่องความเล็ก แต่ในการหาตลาด Niche Market ของคุณเองนั้น จำเป็นมากที่ต้องพิจารณาว่า ในความเล็กนั้น มีกำลังซื้อพอที่ธุรกิจของคุณจะอยู่รอดและเติบโตได้หรือไม่ Niche Market ที่มีกำลังซื้อจำกัดมาก และไม่มีพื้นที่สำหรับขยายธุรกิจได้ในอนาคตอาจไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน

ปัจจัยแห่งความเป็น Niche
การ ทำตลาดแบบ Niche นั้น นอกจากต้องมีความโดดเด่น และความแตกต่างที่เห็นได้ชัดแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จใน Niche Market ได้แก่ ความเป็นผู้เชี่ยวชาญ ความเป็นหนึ่งเดียว ความมีประสิทธิภาพ ความสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า และความสามารถในการสร้าง loyalty

ความเชี่ยวชาญ
ใน Niche Market จะไม่มีคำว่าทั่วไป หรือพอทำได้ หรือปานกลาง คุณต้องเก่งในเรื่องที่ทำจริงๆ จึงจะเป็นที่ยอมรับและแตกต่างจากคู่แข่ง ที่สำคัญ บริการที่คุณเสนอขายต้องสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มนี้ได้ อย่างแท้จริง

ความเป็นหนึ่ง
ความเป็นหนึ่งหมายถึงว่า ในตลาดทั้งหมดนี้ มีคุณเจ้าเดียวหรือไม่ที่มีสินค้าหรือบริการตรงตามความต้องการของลูกค้า กลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะวัดกันง่ายๆ โดยดูว่าในย่านหรือเขตที่คุณจะทำธุรกิจนั้นมีใครเสนอขายสินค้าหรือบริการ เหมือนกันหรือเปล่า แต่ก็ต้องพิจารณาด้วยว่า ในย่านนั้นมีกำลังซื้อพอที่จะทำให้ธุรกิจของคุณโตได้หรือไม่

ประสิทธิภาพ
คุณ ต้องคิดได้เร็วกว่าคู่แข่ง หรือเสนอความสะดวกสบายเหนือกว่าคู่แข่ง หรือเสนอสินค้าหรือบริการที่ช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตที่ง่ายขึ้น ประหยัดเวลามากขึ้น เช่น ร้าน pet shop ที่มีบริการส่งของ 24 ชั่วโมง หรือ บริการซ่อมท่อประปา 24 ชั่วโมง หรือบริการทำสปาถึงบ้าน เป็นต้น

ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ประเด็น นี้เน้นในเรื่องคุณภาพของสินค้าหรือบริการ หมายความว่า สินค้าหรือบริการของคุณต้องได้มาตรฐานและทำให้ลูกค้าพึงพอใจ ถ้าคุณขายคอมพิวเตอร์ให้แม่บ้านหรือผู้สูงอายุที่อยู่กับบ้าน คุณต้องมีบริการด้านไอทีที่พร้อมสำหรับแก้ปัญหาหรือง่ายๆ (แต่ยากสำหรับคนไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี) ตลอดเวลา ถ้าคุณมีการรับประกันสินค้ายาวนานกว่าคู่แข่ง ก็คือเป็นข้อดีในด้านนี้เหมือนกัน

ความจงรักภักดี
ธุรกิจของคุณจะ อยู่ได้ก็ต่อเมื่อลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปแล้วยังกลับมาใช้บริการของคุณอีก มีลูกค้ามากน้อยเท่าใดที่กลับมาซื้อสินค้ากลับคุณ ปัจจัยนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า สินค้าหรือบริการของคุณนั้นต้องเป็นของหายากหรือได้รับความเชื่อถือไว้ใจมาก จนลูกค้าต้องกลับมาซื้อที่คุณเท่านั้น ที่สำคัญคุณต้องสร้างความสัมพันธุ์กับลูกค้าให้ได้ด้วย

อย่าเล่นเรื่องราคา
แม้ จะมีหลายแง่มุมในการนำเสนอขายสินค้าและบริการของคุณ แต่กฎที่ห้ามเล่นเด็ดขาดในตลาด Niche Market คือ กลยุทธ์เรื่องราคา ถ้าคุณไม่ได้มีต้นทุนการผลิตหรือต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำแสนต่ำจริงๆ อย่าคิดเอาชนะคู่แข่งด้วยกลยุทธ์ด้านราคาเป็นอันขาด การเสนอขายสินค้าราคาถูกใน Niche Market มักไม่ได้กำไร แถมยังไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์กับลูกค้า ดังนั้น แทนที่จะมัวมานั่งประหยัดต้นทุน สู้มาทำของดีขาย ในราคาที่คุ้มค่า และหาทางสร้างความสัมพันธ์อันยั่งยืนกับลูกค้าของคุณจะดีกว่า

ขอบคุณครับที่อ่านมาถึงตอนนี้
ใช้สิ่งที่ผมแบ่งปันให้กับคุณและคุณก็สามารถบรรลุผลอันยิ่ง ใหญ่โดยไม่ต้องจ่ายเงินอีกเลยในการโฆษณา! ถ้าคุณต้องการวิธีที่ประสบผลสำเร็จ เราสามารถช่วยคุณได้
เชิญกรอกข้อความด้านบนทางซ้าย หรือเข้าทางลิงค์


http://cashflowin.thport.com/homebizx

ขอบคุณสำหรับข้อความจาก :http://www.marketeer.co.th/

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พลังของแรงตึงดูดในทางปฎิบัติ

ผมใช้พลังของแรงตึงดูด100%สำหรับการตลาดของผม เมื่อคนอ่านบล็อกและ จดหมายทางการตลาด ของผม แล้วพบว่าน่าสนใจและมีประโยชน์ ก็จะส่งต่อไปให้เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนๆ - ช่วยให้เกิดเป็นแรงดึงดูดให้ผู้อื่นเกิดความสนใจติดตามค้นหาเว็บไซต์ บล็อกและจดหมายข่าวของผมต่อไป แล้วคนใหม่ๆจะทำแบบนี้ต่อๆไป

ซึ่งตอนนี้มีหลายคนที่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับความสามารถของผมในการที่จะช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นเมื่อผู้อ่านต้องการคนที่จะช่วยพวกเขาได้ เขาจะโทรหาผม โดยผมไม่ต้องจ่ายเงินในรูปแบบใดๆในการ โฆษณาสักสตางค์(PPC: Pay Per Click หรือสิ่งอื่น)

ใช้สิ่งที่ผมแบ่งปันให้กับคุณและคุณก็สามารถบรรลุผลอันยิ่งใหญ่โดยไม่ต้องจ่ายเงินอีกเลยในการโฆษณา! ถ้าคุณต้องการสร้างแรงดึงดูด เราสามารถช่วยคุณได้ เชิญกรอกข้อความด้านบนทางซ้าย หรือเข้าทางลิงค์

http://cashflowin.thport.com/homebizx

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก: Jim's Marketing Blog